ทองคำมีปฏิกริยาตอบโต้มาจาก ช่วงการเปลี่ยนผ่านของทั้งสหรัฐอเมริกาและประเทศจีน จากความขัดแย้งนี้ ก็อาจจะก่อให้เกิดการดำเนินการทางทหาร โดยประเทศจีนก็ได้ทำการตอบโต้กลับแบบ "ตาต่อตา ฟันต่อฟัน" ซึ่งก็เป็นวิธีเดียวกันกับที่อีกฝ่ายได้ดำเนินการมาอีกด้วย หากคิดแล้วจะพบว่า การใช้งานภาษีการนำเข้าของสหรัฐอเมริกาต่อเหล็กและอะลูมิเนียม จากประเทศจีนคาดว่าจะอยู่ราวๆ 3 พันล้านเหรียญ และหากมีการประกาศออกมาอีกว่าอาจจะมีการเรียกเก็บอีกถึง 50พันล้านเหรียญ ถ้ามีการตรวจสอบพบ ข้อกล่าวหาเรื่องการละเมิดสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญา จากสินค้าในสหรัฐอเมริกาทั้ง 106 ประเภท โดยจะมี ถั่วเหลือง,สารเคมี,เครื่องบินและรถยนต์ ส่วนทางประเทศจีน ก็ออกมาบอกว่า ข้อกล่าวหานั้นยังไม่ได้รับการยืนยัน โดยในตอนนี้กำลังเป็นช่วงการกีดกันทางการค้าขยายตัวอย่างมาก ดังนั้นก็ต้องขังเจ้าสัตว์ตัวนี้ให้อยู่แค่ในกรงของมันเท่านั้น
ดูเหมือนว่าประธานาธิบดี Donald Trump ได้กลายมาเป็นบุคคลคนหนึ่งที่สามารถทำตามความตั้งใจของเขาในการลดระดับความไม่สมดุลที่เกิดขึ้นใน การค้าระหว่างประเทศจากเดิมใน 375พันล้านเหรียญ จนถึงแสนล้านเหรียญ ทางด้านประเทศจีนเองก็เตรียมพร้อมที่จะป้องกันผลประโยชน์ของตนเอง แต่สงครามการค้าก็อาจจะยังไม่ได้ช่วยสร้างผลดีมาให้ทั้งสองอย่างแน่นอน เพราะว่าก็เหมือนกับสงครามอื่นๆ การลดระดับลงของยอด GDP ระดับโลก ที่อาจกระทบต่อการหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทาน, การปรับตัวขึ้นของเงินเฟ้อภายใต้อิทธิพลของราคาการนำเข้าที่เพิ่มขึ้นมา และ การรัดกุมทางการเงินอย่างสูงของทางเฟด ที่อาจจะทำให้เศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาได้เข้าใกล้กับภาวะเศรษฐกิจแบบหดตัว สถานการณ์ในตอนนี้ค่อนข้างพุ่งพล่านจากการเพิ่มขึ้นของหนี้สินในระดับชาติ ที่อาจจะต้องได้รับการแก้ไขด้วยการสนับสนุนด้านอื่นๆ และรวมทั้ง ปัญหาในพื้นที่นี้ที่อาจจะทำให้เพิ่มแรงกดดันต่อเงินดอลลาร์สหรัฐ
แน่นอนว่า หากพวกเราลองคาดการณ์กันดูว่า สหรัฐอเมริกาอาจจะยังไม่หยุดการดำเนินการเช่นนี้ และอาจจะต้องจ่ายภาษีการนำเข้าทั้งหมดให้กับประเทศจีนอีกด้วย ต่อจากนั้นประเทศจีนก็อาจจะต้องมีมาตรการใหม่มาเพิ่มอีก เพราะว่าการผลิตจากสหรัฐอเมริกานั้น น้อยกว่าประเทศของตน สำหรับการตอบโต้จะมาพร้อมกับการขายพันธบัตรรัฐบาลออกไป โดยมีข่าวลืมออกมาว่าในช่วงสองสัปดาห์ก่อนหน้านี้ การอ่อนค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐได้ผลักดันให้ทองคำปรับตัวไปราวๆ 1,400เหรียญต่อออนซ์ และอาจจะสูงกว่านั้น ซึ่งมากกว่าการคาดการณ์ในระยะกลางจากผู้เชี่ยวชาญของสำนักข่าว Bloomberg
การคาดการณ์ และการเคลื่อนไหวของ ทองคำ
เทรดเดอร์ ที่ครอบครองพันธบัตรอายุมากถึง 40 ปี จะพบได้ว่า โลหะมีมูลค่านั้นมีปฏิกริยาตอบสนองกับดัชนีเงินดอลลาร์สหรัฐ และอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรสหรัฐอเมริกา โดยมีความเกี่ยวข้องกับข้อจำกัดต่อสงครามการค้าที่อาจจะเกิดขึ้นได้จริง แม้ว่าจะมีการปรับตัวลงในดัชนีหุ้น แต่เงินดอลลาร์ก็ยังทรงตัวอยู่ บางทีเหตุผลที่ควรพิจารณาก็คือ ภาษีนั้นยังไม่ได้มีการบังคับใช้ในตอนนี้ หรือ พวกเขาอาจจะยกเลิกออกไปทั้งหมด ดูเหมือนว่าทางประเทศจีน และสหรัฐอเมริกาจะอาจมีการนั่งเจรจาต่อรองกันก่อน และธรรมชาติของพวกเขาก็มักจะให้นักลงทุนได้มีการเคลื่อนไหวก่อนหน้าทางเฟดก่อนอยู่แล้วอีกด้าน ดังนั้นทาง BNP Paribas ได้กล่าวว่า ทองคำจะปิดตัวในรอบปีในพื้นที่สีแดง และทาง IHS Markit ก็คาดว่าราคาจะมีการปรับตัวลดระดับลงไปต่ำกว่า $1200 จากการที่มีการเพิ่มขึ้นของการปรับอัตราดอกเบี้ยจากส่วนกลางถึง 4 ครั้ง
ไม่เหมือนกับ "แนวโน้มขาลง" ในโลหะมีมูลค่า เพราะว่าธนาคารกลางยังคงเชื่อในอนาคตที่สดใส ดังนั้นแล้ว เจ้าหน้าที่ของประเทศรัสเซียอาจจะมีการเพิ่มทองคำถึง 22.8ตันในเดือนกุมภาพันธ์ และในคลังสกุลเงิน หลังจากที่ได้มีการเพิ่มไปถึง 18.9 ตันในเดือนมกราคมและอีก 224 ตันในปี 2017 โดยที่อัตราการเติบโตอยู่ใน11เดือนติดต่อกัน
ทางเทคนิคแล้วจะพบว่า การเคลื่อนตัวทะลุผ่านแนวต้านที่ $1357-1362 ต่อออนซ์ นั้นจะเปิดช่องทางสำหรับแนวโน้มขาขึ้นให้ไปหาเป้าหมายที่ 127.2% และในระดับ 161.8% สำหรับกราฟรูปแบบ AB = CD ที่ได้อยู่ใกล้กับระดับที่ $1390 และ $1405
ชาร์ตรายวันของทองคำ