หน้าหลัก มูลค่า ปฏิทิน ฟอรั่ม
flag

FX.co ★ เงินดอลลาร์ที่แข็งค่ายังไม่ได้ส่งผลต่อน้ำมันดิบมากนัก

parent
การวิเคราะห์ฟอเร็กซ์:::2018-04-30T00:48:59

เงินดอลลาร์ที่แข็งค่ายังไม่ได้ส่งผลต่อน้ำมันดิบมากนัก

ราคาน้ำมัน ได้สิ้นสุดการปรับตัวในรอบสัปดาห์ด้วยการเคลื่อนตัวขึ้น สำหรับสัญญาซื้อขายล่วงหน้าในเดือนกรกฎาคมของเบรนท์เอง ก็ปรับตัวขึ้นไปถึง 75เหรียญต่อบาร์เรล และ และยังพบว่าสิ่งสำคัญต่อการเติบโตนั้นก็ยังส่งผลอยู่ตามเดิม โดยปัจจัยส่วนมากก็ยังส่งผลต่อมูลค่าใน แนวโน้มขาขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

ความเชื่อมั่นยังคงทรงตัวดีตามเดิม ซึ่งมาจากแนวโน้มของทางด้านโอเปก และข้อตกลงด้านการผลิต โดยเป็นสิ่งที่ทุกคนอาจจะทราบกันดีเกี่ยวกับ อัตราการผลิตของประเทศสมาชิกในโอเปก ที่ค่อนข้างจะกำหนดไว้ในระดับต่ำ และยังมีการลดระดับลงมาของมูลค่าน้ำมันเกิดขึ้นมา ทำให้โอกาสในการโน้มน้าวพวกเขาให้ ปรับให้สอดคล้องกับ การสกัดน้ำมันในเวลาเดียวกัน เพื่อจะต้องเผชิญหน้ากับการขาดแหล่งทุนจากการแลกเปลี่ยนด้วยเงินตราต่างประเทศ ที่ดูเหมือนว่ากลายเป็นเรื่องที่มีความเหมาะสมอยู่ แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ก็ถึงเวลาที่จะแสดงความกังวลออกมาที่เกี่ยวข้องกับ ความตั้งใจของทางโอเปก ที่สามารถดำเนินการให้บรรลุตามเป้าหมายไปได้อย่างที่ไม่ได้คาดการณ์ถึงมาก่อน และยังจะมีข่าวรือเกี่ยวกับ การเตรียมการในการขยายระยะสัญญาให้ยาวนานขึ้น โดยอาจจุเป็น 10 หรือ 20 ปีต่อไป

ปัจจัยเหล่านี้ได้ส่งผลต่อการเกิดแนวโน้มขาขึ้นอย่างเป็นที่ไม่ต้องสงสัยกัน แต่ก็ยังมีอีกปัจจัยหนึ่ง ซึ่งดูเหมือนว่าจะมีความสำคัญที่มากกว่าทางด้านโอเปก และสัญญาด้านการผลิต นั้นก็คือ มีการปรับตัวขึ้นมาในการผลิตของสหรัฐอเมริกา ซึ่งยังไม่ได้ขยับตัวขึ้นมาเป็นผู้นำในการผลิตระดับโลกอยู่ในตอนนี้ แต่ก็มีการออกมาประกาศถึงแผนการในการลดปริมาณการผลิตที่ลดระดับลงไปของทางโอเปก

ดังนั้นแล้ว มันมีปัจจัยหลายอย่างที่ได้ส่งผลพร้อมกัน กับการสกัดน้ำมันจากชั้นหิน และปัจจัยแรกนั้นก็ได้มีการเคลื่อนไหวตามชาร์ตที่ระบุข้อมูลไว้ในด้านล่าง

ในวันศุกร์พบว่า มีข้อมูลการรายงานเบื้องต้นออกมาเกี่ยวกับ GDP ในไตรมาสแรกออกมา ในส่วนอื่นๆก็จะมีการรายงานข้อมูลตัวเลขเกี่ยวกับ การลงทุนในอุตสาหกรรมด้านน้ำมัน

เงินดอลลาร์ที่แข็งค่ายังไม่ได้ส่งผลต่อน้ำมันดิบมากนัก


แน่นอนว่า เป็นสามไตรมาสติดต่อกันที่มีการปรับตัวขึ้นในการลงทุน แต่การเติบโตนี้เป็นเพียง การฟื้นตัวขึ้นมาจากการปรับตัวลงไปที่เกิดขึ้นในช่วงปี 2016 และในช่วงที่ปริมาณในการลงทุนอยู่ในระดับที่ 2 ตารางเมตร ในปี 2011 แน่นอนว่ามันต่ำกว่าปริมาณที่สูงสุดของปี 2014 ในการพิจารณาต่อการเติบโตในการผลิตนั้น จำนวนของการลงทุนจะเห็นได้ว่าไม่มีความเพียงพอ โดยเฉพาะปริมาณที่น้อยจากการขุดเจาะน้ำมันในถ่านหิน

การจ้างงานในภาคส่วนนี้ โดยรวมแล้วค่อนข้างอยู่ในระดับที่ต่ำมาก ซึ่งสอดคล้องกับระดับที่เคยพบในช่วงเดือนธันวาคมปี 2007 และยังสวนทางกับการฟื้นตัวขึ้นมาของตลาดแรงงาน

ดังนั้นแล้ว การเติบโตที่เกิดขึ้นในการผลิตน้ำมันที่เกิดขึ้นในสหรัฐอเมริกา ได้สวนทางกับแนวโน้มการลงทุนที่ลดต่ำลง, การจ้างงานที่น้อยของภาคส่วน และ การเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายด้านการผลิตในส่วนของน้ำมันจากชั้นหิน เนื่องจากการลดลงของการขุดเจาะระหว่างปี 2014-2016 ซึ่งนี้เป็นหนึ่งในสิ่งที่เหลือเชื่อที่เกิดขึ้นมา

ประเด็นที่สองพวกเราพบว่า ถ้าลองพิจารณาดูจากแนวโน้มของการขนส่งสินค้าที่เป็นผลิตภัณฑ์จากน้ำมันและปิโตรเลียม ตามการรายงานของสมาคมรถไฟอเมริกัน จะพบว่า มีการลดระดับลงไปของการขนส่งที่เพิ่มขึ้นถึง 4 ตารางเมตรในปี 2017 โดยเป็นที่เข้าใจตรงกันดี และยังสอดคล้องกับการลดระดับลงมาของกิจกรรมในภาคส่วนนี้ แต่ กลับมีการเติบโตที่เกิดขึ้นในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา ที่น้อยกว่าช่วงปี 2015 และ 2016 ที่การผลิตได้อยู่ในระดับที่ต่ำ แล้วอะไรที่สามารถมาอธิบายถึงการเพิ่มขึ้นอย่างกระทันหันของการผลิตน้ำมันตามระดับที่ได้พบกัน โดยยังพบอีกว่า มีการดำเนินการผลิตในอุตสาหกรรมการกลั่นน้ำมันอย่างเต็มที่ และระดับการขนส่งที่ต่ำ

เงินดอลลาร์ที่แข็งค่ายังไม่ได้ส่งผลต่อน้ำมันดิบมากนัก

ปัญหาทุกอย่างก็จะกระจ่างขึ้นมา ถ้าหากลองพิจารณาถึงลักษณะของตัวเลขตามสถิติแล้วจะพบได้ว่า ในช่วงหกเดือนที่ผ่านมานั้น หลายบริษัทได้มีการนำเสนอข้อมูลปริมาณน้ำมันสำรองในอดีต ซึ่งนั้นเป็นระดับการผลิตในปัจจุบัน มันจึงทำให้ดูเหมือนว่าเป็นการนำเสนอข้อมูลการผลิตออกมานั้นเอง แต่ในเวลาเดียวกัน มันก็ได้ไปลดระดับน้ำมันสำรองในระดับโลกลงไป ซึ่งในระยะสั้นนั้นจะมีส่วนช่วยเพิ่มราคาน้ำมันขึ้นมา แทนที่จะลดระดับลงไป เนื่องจากการดำเนินการสร้างสมดุลในตลาดระดับโลกนั้นสามารถเกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว

ในส่วนของปัจจัยทางการเมืองจะพบได้ว่า ยังต้องการให้มีการเติบโตขึ้นมาของมูลค่า ทางด้านกองทุนการเงินระหว่างประเทศได้คาดการณ์ไว้ว่าจะเกิด การเติบโตขึ้นที่คงตัวในระดับเศรษฐกิจระดับโลก และจะมี อัตราที่สูงขึ้นในหลายประเทศที่โดยหลักแล้วจะมาจาก ผู้ส่งออกวัตถุดิบนั้นเอง ส่วนสำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ เองก็ออกมารายงานเกี่ยวกับ การเพิ่มขึ้นของการบริโภคน้ำมันในปี 2017 ที่เพิ่มขึ้นมา 1.6% ซึ่งตรงกับช่วง 10 ปีที่ผ่านมา โดยในปี 2019 ทางสำนักงานได้คาดไว้ว่าอาจจะเกิดการชาดแคลนน้ำมัน

ทั้งนักลงทุนและนักวิเคราะห์ กำลังรอคอยให้เกิดการเติบโตขึ้นของน้ำมัน สำหรับปัจจัยพื้นฐานนั้นก็ต้องมาจาก แนวโน้มขาขึ้นนั้นเอง และภาพรวมทางเทคนิคก็สามารถแสดงให้เห็นถึง ความท้าทายจากการปรับฐานของแนวรับที่ 70.20/70.40 ที่จะเกิดขึ้นในช่วงสัปดาห์นี้ หลังจากที่การเติบโตจะเริ่มมีการเคลื่อนไหวเกิดขึ้นตามมา

แชร์บทความนี้:
parent
loader...
all-was_read__icon
คุณได้ดูสิ่งพิมพ์ที่ดีที่สุดทั้งหมดในปัจจุบัน
เรากำลังมองหาสิ่งที่น่าสนใจสำหรับคุณ
all-was_read__star
เผยแพร่เมื่อเร็ว ๆ นี้:
loader...
สิ่งพิมพ์ล่าสุดเพิ่มเติม