มีข่าวลือเกี่ยวกับการขยายการผลิตน้ำมันของประเทศซาอุดิอาระเบียและรัสเซีย จึงทำให้เกิดการปรับตัวเกิดขึ้นมาในทะเลเหนือ ให้อยู่ในระดับต่ำสุดของรอบเดือน ทางด้านสำนักข่าว Bloomberg เองก็ได้อ้างอิงถึงแหล่งข้อมูล ที่มีการระบุข้อมูลไว้ว่า ที่วอชิงตันได้มีการเรียกร้องให้ โอเปคเพิ่มการผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้นมาอย่างน้อย 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน เนื่องจาก ราคาการค้าน้ำปลีกน้ำมันเบนซิลในสหรัฐอเมริกา เพิ่มขึ้นไม่มากเกินกว่า 3 ปี ในช่วงก่อนหน้านี้พบว่า คุณ Donald Trump ได้ออกมากล่าวหา ว่าทางประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน ที่ทำให้มูลค่าของเบรนต์เพิ่มขึ้น และทางด้าน WTI อีกด้วย ในเดือนมิถุนายน สำหรับสหรัฐอเมริกาเองก็ได้เปลี่ยนจากข้อวิจารณ์ ไปเป็นคำขอแทน
ตั้งแต่ช่วงต้นปี2017 จะพบว่า ทางโอเปคและอีก 10 ประเทศที่ผู้ผลิตน้ำมัน รวมทั้งประเทศรัสเซีย ได้ลดการผลิตลงไป 1.8 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งได้ช่วยรักษาความสมดุลของตลาดไว้ และทำให้ปริมาณจากทั่วโลกลดระดับลงไป และยังเพิ่มไปยังระดับสูงสุดตั้งแต่ช่วงฤดูใบไม้ร่วงของปี 2014 ใน ปัจจุบัน ทางกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันมีการผลิตอยู่ที่ 31.9 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้ขั้นต่ำสำหรับรอบปี หากทางด้านประเทศซาอุดีอาระเบียและรัสเซีย ได้ตัดสินใจที่จะเพิ่มการผลิตขึ้นมา ในที่ประชุมสในเวียนนา ภายในวันที่ 22-23 เดือนมิถุนายน สำหรับประเทศอื่นๆ ก็จะสามารถปฏิบัติตามพวกเขาไปได้ โดยมีเป้าหมายเพื่อรักษาส่วนแบ่งทางการตลาดไว้ นอกจากนี้แล้ว หากการดำเนินการตามคำขอ ของสหรัฐอเมริกา ไปยังริยาดเกิดขึ้นจริง ก็จะทวีความรุแรงเพิ่มมากขึ้นกับความสัมพันธ์กับซาอุดีอาระเบีย พร้อมกับ อิหร่าน
ในทางทฤษฎีแล้วจะพบได้ว่า ความเสี่ยงที่ผู้ผลิตจากทั่วโลกจะเข้ามาสู่ตลาดอย่างมาก พร้อมกันกับการที่น้ำมันมีราคาถูก จึงเป็นเหตุผลที่สนับสนุนต่อการดำเนินการพัฒนาแก้ไขของทางเบรนท์ และ WTI ตามความเป็นจริงแล้ว จะมีกระบวนการปิดสถานะการซื้อทั้งหมด ที่ทำลายสถิติไปอย่างมากสำหรับ ระดับหลักๆของน้ำมัน อันเนื่องมาจากการใช้หลักการ "ซื้อตามข่าวลือ และขายตามข้อเท็จจริง" หากมาพูดถึงการถอนตัวจากข้อตกลงอาวุธนิวเคลียร์ของ สหรัฐอเมริกากับประเทศอิหร่าน จะยิ่งทำให้ราคาสัญญาซื้อขายล่วงหน้าดันขึ้นไปอยู่ที่ระดับสูงสุดในรอบ 3 ปีกว่า และในเร็วๆนี้ เมื่อเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น กองทุนป้องกันความเสี่ยงก็เริ่มทยอยเก็บผลกำไร ในตำแหน่งการซื้อ ดังนั้นแล้วพวกเขาได้ดำเนินการเช่นนี้มาเป็นเวลา 6 สัปดาห์ติดต่อกัน ซึ่งเป็นช่วงระยะเวลาที่ยาวนานที่สุด สำหรับวัฏจักรการพัฒนาของตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ ในช้วงสิ้นสุดระยะเวลา 5 วันภายในวันที่ 29 พฤษภาคมที่ผ่านมา ระดับต่ำสุดที่ของทางเบรนท์ ได้ลดลงไป 9.9% ใน 451,996 สัญญา ซึ่งนับว่าเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนกันยายน 2017
การเคลื่อนไหวของสถานะการเก็งกำไร และราคาน้ำมัน
เป็นที่น่าแปลกใจที่ว่า ส่วนต่างระหว่างระดับในทะเลเหนือ กับน้ำมันของเท็กซัสมีมูลค่าถึง 11 เหรียญต่อบาร์เรล ซึ่งเป็นระดับที่สูงที่สุด นับตั้งแต่ปี 2015 ท่ามกลางการขยายตัวของการผลิตในสหรัฐอเมริกาที่ 10.47 ล้านบาร์เรลต่อวัน โดยการเพิ่มจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันให้มากขึ้นถึง 861 แท่น และมีความจุที่จำกัดของท่อส่งในอเมริกา อีกด้วย
โดยทั่วไปแล้ว แม้จะมีการแก้ไขเกิดขึ้นมา แต่การรวมกันของตลาดน้ำมันก็ยังส่งผลดีอยู่ตามเดิม สำหรับอุปสงค์จากทั่วโลกที่กำลังปรับตัวมากขึ้น ปริมาณในระดับโลกก็กำลังกลับสู่ระดับเฉลี่ย 5 ปี และประเทศซาอุดิอาระเบีย รวมทั้งประเทศรัสเซีย ก็มีความตั้งใจที่จะเพิ่มการผลิต ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการลดระดับลงไปของประเทศเวเนซุเอลาและอิหร่าน
ตามทางเทคนิค ในแผนภูมิรายวัน จะพบได้ว่า ทางเบรนท์ยังคงมีรูปแบบ "การกระจายตัว และ การย้อนกลับ พร้อมกับการปรับฐาน" โดยที่ช่องโหว่ในเส้นของแนวโน้ม ใช่วงของการเร่งระดับ ก็ยังไม่แสดงถึงการเปลี่ยนแปลงของแนวโน้ม ส่วนระดับของเป้าหมายอยู่ที่ 127.2% ในกราฟรูปแบบ "ผีเสื้อที่สมบูรณ์แบบ" ไปยังแนวเส้นขอบล่างของช่องทางการซื้อขายในระยะยาวที่เพิ่มขึ้น มันจึงแสดงให้เห็นว่า ประสิทธิภาพในการเคลื่อนไหวตามการปรับฐาน
ชาร์ตรายวันของทางเบรนท์