มีการปรับตัวขึ้นมาของความต้องการความเสี่ยงในระดับโลก ที่เป็นผลมาจากการประชุมประวัติศาสตร์ของผู้นำสหรัฐอเมริกาและประเทศเกาหลีเหนือ ในประเทศสิงคโปร์และมีการลดความผันผวน ก่อนหน้าที่จะมีการประชุมสุดยอดในโอเปกขึ้น เมื่อวันที่ 22-23 เดือนมิถุนายน ที่จะช่วยให้แนวโน้มขาขึ้นสำหรับเบรนท์ และ WTI สามารถเคลื่อนตัวกลับได้ ในเวลาเดียวกันก็คาดว่า น้ำมันจะสามารถปรับระดับขึ้นไปอยู่ในตำแหน่งสูงขึ้นได้ในรอบ 3-4 สัปดาห์ต่อไปอย่างน้อย ยกเว้นเพียงแต่ กรณีของประเทศอิหร่านซึ่งได้ออกมาอ้างว่า การคว่ำบาตรที่บังคับใช้ และการขยายข้อตกลงเวียนนาจะนำไปสู่การเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันให้เป็น 140 เหรียญต่อบาร์เรล แต่ถึงอย่างไรก็ตามข้อมูลตัวเลขนี้อาจจะมาจากความต้องการส่วนตัว
เห็นได้ชัดว่า ด้วยข้อตกลงที่ถึงปี 2017 ระหว่างประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน และประเทศรัสเซีย เพื่อให้มีการลดการผลิตลงมาถึง 1.8 ล้านบาร์เรล ดังนั้นน้ำมันถูกดึงออกมาจากวังวน อย่างไรก็ตามมีการขยายตัวของระดับเบรนท์ไปอยู่ที่ 80 เหรียญต่อบาร์เรล จึงกลายมาเป็นพื้นฐานสำหรับการพิจารณาถึง การที่ราคาได้อยู่ในตำแหน่งที่สูงเกินไปสำหรับเศรษฐกิจโลก ในสภาวะดังกล่าวนั้นเอง ความต้องการของโลกจึงได้ลดลงไป โดยเป็นปัจจัยที่ "แนวโน้มขาลง" เกิดขึ้นสำหรับทองคำดำ ดังนั้นแล้วนี้จึงเป็นที่ชัดเจนว่า ทำไมทางกรุงมอสโควและริยาดไม่เพียงแต่พูดถึงการเพิ่มการผลิต แต่ก็ยังได้เดินหน้าไปแล้วในทิศทางนี้
สำนักข่าว Bloomberg ได้อ้างอิงถึงแหล่งข่าวโดยไม่ระบุชื่อ โดยกล่าวว่า ในเดือนพฤษภาคมมีการผลิตของ ประเทศซาอุดิอาระเบียเพิ่มขึ้นถึง 162,000 บาร์เรลต่อวัน เป็น 10.03 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในช่วงฤดูร้อนของรอบเดือนนั้น ทางด้านประเทศก็ได้เพิ่มยอดขึ้นอย่างเนื่อง จากความต้องการภายในประเทศที่แข็งแกร่งตามฤดูกาล ส่วนประเทศรัสเซียในช่วงต้นเดือนมิถุนายนเองก็มีการปรับตัวไปแตะในระดับที่ 11.09 ล้านบาร์เรล ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 14 เดือนที่ผ่านมา มันมากกว่ายอดตัวเลขที่กำหนดไว้กับทางโอเปคที่ 10.95 ล้านบาร์เรล อ้างอิงข้อมูลตามที่ผู้เชี่ยวชาญของBloomberg ได้ออกมาแสดงให้ทราบถึง ตัวบ่งชี้อาจเติบโตอีก 215,000-500,000 บาร์เรล พร้อมกับการเติบโตของการผลิตในสหรัฐอเมริกา ที่ได้รับข้อมูลที่แสดงว่าอยู่ในระดับที่ 10.8 ล้านบาร์เรล มันทำให้เป็นรากฐานสำหรับการพัฒนาแก้ไขข้อบังคับเบรนท์ และ WTI
การเคลื่อนไหวของการผลิตน้ำมัน จากประเทศผู้ผลิตรายใหญ่
ในทางกลับกันกิจกรรมของมอสโกและริยาด อาจจะมีส่วนที่ไม่สามารถเพิ่มกำลังการผลิตขึ้นมาได้ ต่อเวเนซูเอล่าที่ได้ทำการขับไล่ชาวอิหร่าน และก็เป็นผลกระทบมาจากความขัดแย้งภายในของเวเนซุเอลา โดยที่ทั้งสองประเทศนี้รวมกับอิรัก มุ่งมั่นที่จะยิดระยะของข้อตกลงเวียนนาออกไป เป็นที่เข้าใจกันได้ว่า ถ้าคุณไม่สามารถเพิ่มการผลิตได้ แต่ทุกคนสามารถทำได้ คุณก็จะเสียส่วนแบ่งทางการตลาดของคุณไปอย่างรวดเร็ว ดังนั้นแล้วการประชุมในวันที่ 22-23 มิถุนายนก็จะมีแนวโน้มที่จะเต็มไปด้วยการอภิปรายที่ร้อนแรงออกมา
แต่ถึงอย่างไรก็ตาม สิ่งหนึ่งก็คือการมีความต้องการที่จะเพิ่มการผลิตขึ้นมา ในโอกาสอื่นๆนอกจากนี้แล้ว ทางด้าน Morgan Stanley ได้เชื่อว่าการสนับสนุน "แนวโน้มขาขึ้น" สำหรับเบรนท์ และ WTI ก็สามารถมีได้ กล่าวคือ เป็นความสมดุลของอุปสงค์และอุปทาน, การลดปริมาณน้ำมันสำรองจากทั่วโลก และปริมาณการจุน้ำมันสำรอง อ้างอิงข้อมูลตามสถาบัน IEA ได้ระบุไว้ สำหรับโอเปก ในเดือนเมษายนพบว่ามีการผลิตออกมา 3.47ล้านบาร์เรล ดังนั้นแล้วสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานของสหรัฐอเมริกา ได้เชื่อว่าประเด็นนี้น่าจะมีตัวเลขอยู่ที่ประมาณ 1.91 ล้านบาร์เรล
ทางเทคนิคจะพบว่า จนกว่าราคาของระดับทะเลเหนือได้อยู่สูงกว่า $ 70 ต่อบาร์เรล น้ำมันก็ยังคงอยู่ใน "แนวโน้มขาขึ้น" สำหรับรูปแบบที่แท้จริงก็คือ "การกระเด็น และการพลิกกลับด้วยการเร่ง" และกราฟรูปแบบ "ผีเสื้อที่สมบูรณ์แบบ" โดยที่ทั้งสองชี้ไปยังแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นของการพัฒนาแก้ไข
ชาร์ตรายวันของทางเบรนท์