เนื่องจากปัญหาการส่งออกในประเทศซาอุดีอาระเบีย ที่เกิดขึ้นในทะเลแดง และข้อมูลเกี่ยวกับ ช่วงเวลาของการกู้คืนที่ล่าช้ากว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ในทะเลเหนือ ได้ทำให้ น้ำมันสามารถฟื้นตัวขึ้นมาบ้าง จากที่ได้รับผลกระทบมาจากเดือนกรกฎาคม ทางด้าน เบรนท์และ WTI ปิดตลาดในรอบเดือน โดยอยู่ในพื้นที่สีแดง ระหว่างที่ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นมา จึงส่งผลให้มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นต่อ อุปสงค์ทั่วโลกที่ชะลอตัวลงมา และการผลิตของโอเปคที่เพิ่มขึ้น ดังนั้นแล้ว การรายงานข่าวจากซาอุดิอาระเบีย และทะเลเหนือ จึงถูกมองว่าเป็นปัจจัย "ขาลง" ในระยะสั้น แม้ว่าทุกคนจะไม่เห็นด้วยก็ตาม
อ้างอิงข้อมูลจาก Goldman Sachs ที่ได้ระบุว่า ผู้ขนส่งน้ำมันจะสามารถเพิ่มกำลังการผลิตได้ถึง 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน แต่ความพยายามของ กรุงริยาดและกรุงมอสโก อาจจะไม่เพียงพอที่จะชดเชยกับ การสูญเสียของการผลิตในอิหร่าน สำหรับน้ำมัน โดยมาจากการคว่ำบาตรครั้งใหม่ ต่อกรุงเตหะรานจากทางกรุงวอชิงตัน ในส่วนการผลิตในอเมริกา อาจจะเติบโตขึ้นมา แต่อยู่ในอัตราที่ไม่น้อยกว่าที่ได้คาดการณ์ไว้ในปัจจุบัน เนื่องจาก ปัญหาที่เกิดขึ้นในแหล่งน้ำ Perm ดังนั้น ตลาดรู้สึกผิดหวังเพราะ ความผิดปกติของ "แนวโน้มขาลง" ในการพัฒนาการปรับตัวที่จะนำไปสู่การฟื้นตัวของแนวโน้ม "ขาขึ้น" ทางด้าน Goldman Sachs ก็เชื่อว่า ทางเบรนท์จะทดสอบในระดับของ $ 80 ต่อบาร์เรลก่อนสิ้นปีนี้
ทางธนาคารดูเหมือนจะกลายมาเป็นแพะรับบาปไป จากผลสำรวจความคิดเห็นจาก ผู้เชี่ยวชาญจากสำนักข่าวรอยเตอร์ พบว่าโอเปคได้เพิ่มกำลังการผลิตขึ้นเป็น 32.64 ล้านบาร์เรลต่อวินาที (+70 พันบาร์เร ต่อวินาที) และจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันจากการรายงานของ Baker Hughes พบว่า ได้เพิ่มขึ้นเป็น 861 แท่น ในขณะเดียวกันนั้นเอง การลดลงของกิจกรรมทางธุรกิจของประเทศจีน ก็แสดงให้เห็นในการชะลอตัวทางเศรษฐกิจของประเทศ โดยเป็นผู้บริโภคน้ำมันแหล่งใหญ่ที่สุด ดังนั้น การเพิ่มขึ้นของการผลิต และการลดระดับอุปสงค์ จึงได้เพิ่มความเสี่ยงต่อการผลิตที่เกินความต้องการออกมา ซึ่งนั้นก็คือปัจจัย "ขาลง" สำหรับเบรนท์และ WTI แน่นอนว่าปัญหาของการหยุดชะงักลงไป ของอุปทานในRed Seas และNorth Seas ก็ยังไม่สามารถดำเนินการใดๆต่อไปได้ และทางด้านผู้ขายจากหลายแหล่ง ก็จะเริ่มหันกลับมาดำเนินการต่อในเร้วๆนี้ ทันทีที่สถานการณ์เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น
นักเก็งกำไรไม่ได้เชื่อมั่นมากนัก ในส่วนของน้ำมัน ในขณะที่ การกำหนดผลกำไรในสถานะการซื้อเองก็ไม่ได้ก่อให้เกิด การพัฒนาที่ดีขึ้นต่อการเคลื่อนไหวในการปรับฐาน ของทาง เบรนท์ และ WTI
การเคลื่อนไหวของ ราคาน้ำมัน และสถานะของการเก็งกำไร
นาย Donald Trump เองก็ความสามารถที่จะผลักดันการเคลื่อนไหวนี้ได้ เขาได้ออกมาประกาศถึง ความพร้อมที่จะพบปะกับผู้นำของอิหร่าน Rouhani ในช่วงก่อนหน้านี้ทางประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ก็กำลังลองเชิงกับกรุงเตหะราน ด้วยการใช้บัญชี Twitter ของเขาเอง เนื่องจากเป็นความต้องการของทำเนียบขาว ในการลดระดับราคาน้ำมันเบนซินลงไป ในการการแก้ไขของทางเบรนท์และ WTI ดังนั้นมันก็อาจจะสันนิษฐานได้ว่า เขาอาจจะยกเลิกความตั้งใจของเขา ในการลดการส่งออกของอิหร่านไป เป็นศูนย์ เพื่อแลกกับการปฏิเสธของ Rouhani ต่อการพัฒนาโครงการนิวเคลียร์ ถ้าหากมีการยกเลิกตัวกระตุ้นของ "แนวโน้มขาขึ้น" จากนั้น โอกาสของการดำเนินการปรับตัวลงด้านล่าง จากทั้งสองส่วนหลักของน้ำมัน ก็จะยิ่งเพิ่มขึ้น
ทางเทคนิคแล้วก็จะพบได้ว่า ความผิดปกติของ "แนวโน้มขาลง" ในการรักษาระดับราคาของเบรนท์ ให้ต่ำกว่าขีดจำกัด ของช่องทางการซื้อขายขาขึ้น เพื่อที่จะยืนยันถึงจุดอ่อนของพวกเขา ในการจัดการกับการปรับฐาน เป้าหมายได้อยู่ใน ทิศทาง88.6% เป็นกราฟรูปแบบ "ค้างคาว" ในขณะที่ ผู้ขายเองก็จำเป็นต้องเคลื่อนตัวทะลุผ่านแนวรับที่ 71.9 เหรียญต่อบาร์เรลออกไป และปรับระดับต่ำสุดในเดือนกรกฎาคม
ชาร์ตรายวันของเบรนท์
* การวิเคราะห์ตลาดที่นำเสนอมานั้นเป็นเพียงข้อมูลในการประกอบ การตัดสินใจ ฉะนั้นไม่ได้จัดทำขึ้นมาเพื่อกำหนดการทำธุรกรรมใดๆ