หน้าหลัก มูลค่า ปฏิทิน ฟอรั่ม
flag

FX.co ★ บทวิเคราะห์ของคู่สกุลเงินยูโรและดอลลาร์สหรัฐ ( EUR/USD) ของวันที่ 25 เดือนกันยายน การเติบโตของเศรษฐกิจอเมริกาอาจพังทลายลง

parent
การวิเคราะห์ฟอเร็กซ์:::2020-09-25T02:08:51

บทวิเคราะห์ของคู่สกุลเงินยูโรและดอลลาร์สหรัฐ ( EUR/USD) ของวันที่ 25 เดือนกันยายน การเติบโตของเศรษฐกิจอเมริกาอาจพังทลายลง

ขอบเขตระยะเวลาสี่ชั่วโมง

ข้อมูลทางเทคนิค:

Higher linear regression channel: direction - ขาขึ้น.

Lower linear regression channel: direction - ขาลง.

ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (20; smoothed) - ขาลง.

CCI: -99.1177

ในวันซื้อขายที่สี่ของคู่เงินยูโร/ดอลลาร์ยังคงเทรดกันตามแนวเบี่ยงเบนขาลง ซึ่งทำให้ทุกคนมั่นใจได้ถึงการเคลื่อนตัวออกด้านข้างอย่างแน่นอนในช่องทาง $1.17 - $ 1.19 เงินดอลลาร์สหรัฐท้ายที่สุดก็แข็งค่าขึ้น ซึ่งเราได้คาการณ์ไว้แล้วอย่างน้อยในเดือนที่แล้ว ดังนั้นจึงมีเพียงการเคลื่อนไหวที่สมเหตุสมผลอย่างเดียวเนื่องจากหลังจากการเติบโตไปแล้ว 1300 จุด เทรดเดอร์ยังต้องการไปให้มากกว่า 200 จุดในการปรับฐาน ดังนั้นการเคลื่อนตัวลงด้านล่างเป็นเพียงการปรับฐานทางเทคนิคของสกุลเงินสหรัฐหลังจากการเติบโตก่อนหน้านี้ ดังนั้นหากเราเป็นเทรดเดอร์ก็จะไม่มองหาเหตุผลเชิงพื้นฐานอะไร ในการทำให้สกุลเงินสหรัฐแข็งค่าขึ้น เพียงเพราะตอนนี้พวกเขาไม่ได้อยู่ในสถานะแบบนั้น เป็นไปไม่ได้ที่จะมองการแถลงของนายเจอโรม พาวเวลล์และสตีเวน มนูชินในรัฐสภาสหรัฐว่ามีความชัดเจนในทางใดก็ทางหนึ่ง เป็นไปไม่ได้ที่จะตีความผลการประชุมของเฟดอย่างชัดเจน เป็นที่ทราบกันว่ายิ่งนายพาวเวลล์ และ มนูชินยังไม่ค่อยสบายมากเท่าไหร่ มันก็จะยิ่งส่งผลเสียต่อตลาดหุ้นมากขึ้นเท่านั้น ถ้าหากสกุลเงินสหรัฐร่วงลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักอื่นๆ เป็นผลจากการดูแลของรัฐบาลสหรัฐ จตามที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ได้กล่าวหลายครั้งว่าการทิ้งตัวลงของตลาดหุ้นจะไม่ได้เป็นประโยชน์อย่างแน่นอนสำหรับสหรัฐ ท้ายที่สุดมันขึ้นอยู่กับการเติบโตของตลาดหุ้นที่บ่งบอกถึงความแข็งแกร่งและพลังของเศรษฐกิจอเมริกัน และนี่เป็นหนึ่งในความเข้าใจผิดอย่างมากของเทรดเดอร์และผู้อ่านหลายคน พวกเขาถือว่ามีการเติบโตของทุนสำหรับชาวอเมริกันที่ร่ำรวย พร้อมกับการเติบโตของสวัสดิการทั่วไปของประเทศ อย่างไรก็ตามหากลองมองกลับไปที่เงินดอลลาร์สหรัฐ ไม่มีข่าวเชิงบวกอะไรจากอเมริกาในช่วงนี้ นายพาวเวลล์และมนูชินกล่าวว่าเศรษฐกิจสหรัฐกำลังฟื้นตัวใสเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ มันเป็นเรื่องดีในเวลาเดียวกันทั้งสองคนสังเกตถึงความไม่แน่นอนในระดับสูงในประเด็นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจของระยะต่อไป และยังขอให้สภาคองเกรสอนุมัติมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหม่ให้รวดเร็ว มันเป็นเรื่องไม่ดี มันหมายความว่าเศรษฐกิจไม่สามารถฟื้นตัวได้ด้วยตัวมันเองและมาตรการที่คิดเป็นเงินหลายล้านล้านดอลลาร์เพื่อใช้งานนั้นมันไม่เพียงพอสำหรับการฟื้นตัวอย่างสมบูรณ์ สถานการณ์ของ "เชื้อไวรัสโคโรน่า" ยังไม่ดีขึ้น ในช่วงนี้ไม่มีการรายงานเศรษฐกิจมหภาคที่สำคัญออกมา ยังไม่มีข่าวสำคัญในประเด็นที่น่าจับตามองในสหรัฐและเงินดอลลาร์ สิ่งเหล่านี้ ได้แก่ การเผชิญหน้ากับจีน "เชื้อโคโรนาไวรัส" และการเตรียมการสำหรับการเลือกตั้ง ประเด็นสำคัญยังคงอยู่ที่ "การเลือกตั้ง" ผู้ลงสมัครทั้งสองยังคงสาดโคลนใส่กันเพื่อพยายามพิสูจน์ให้ผู้เลือกตั้งเห็นว่า เพราะเหตุใดจึงไม่ควรที่จะลงคะแนนเสียงให้กับฝ่ายตรงข้าม สื่อและสื่อสิ่งพิมพ์ยังคงตาดการณ์ถึงโอกาสของชัยชนะของผู้ลงสมัคร ในเวลาเดียวกันผู้สมัครทั้งสองกำลังไม่เพียงแต่การเลือกตั้ง และการลงคะแนนด้วยตนเอง แต่ยังมีการดำเนินการทางกฎหมายหลังจากนั้น อาจฟังดูแปลกแต่แทบไม่มีใครสงสัยว่าการเลือกตั้งจะเปลี่ยนจากคณะกรรมการการเลือกตั้งไปยังศาลฎีกาของสหรัฐได้อย่างราบรื่น เราจึงอธิบายออกมา


ในช่วงนี้มาลองกลับไปดูข้อมูลเของนายโดนัลด์ ทรัมป์และผลงานของเขาในฐานะประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกาเป็นเวลาถึง 4 ปี นอกเหนือจากความล้มเหลวที่เห็นได้ชัดเจน เช่นการจัดการกับ "เชื้อไวรัสโคโรน่า" การล่มสลายของเศรษฐกิจในไตรมาสอย่างครบถ้วน การว่างงานที่เพิ่มขึ้น ตลาดแรงงานที่ลดลง เรายังสามารถชี้ให้เห็นแค่บางส่วนที่ไม่ได้เป็นการล้มเหลวอย่างชัดเจนนักจากการบริหารของนายทรัมป์อย่างแรกจากการวิเคราะห์ทางการเมืองหลายอย่าง มันเกิดขึ้นช่วงการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีของนายทรัมป์ที่มีความเห็นแบ่งแยกกันอย่างชัดเจนในประเทศ มันเป็นเวลาอย่างน้อย 4 ปีที่ปัญหาการเหยียดสีผิวได้กลับมาเกิดขึ้นอีกครั้งในสหรัฐอเมริกา และจากเหตุการณ์ของโรคระบาดทั่วโลกที่ได้คร่าชีวิตผู้คนไป 200,000 คนในอเมริกาเพียงแห่งเดียว อย่างที่สองการแถลงทั้งหมดของนายทรัมป์เกี่ยวกับ การเติบโตของเศรษฐกิจเกี่ยวกับการเติบโตของสวัสดิการของชาวอเมริกันในทางปฏิบัติถือเป็นอีกเรื่องที่โกหกอีกอย่าง นักเศรษฐศาสตร์ทุกคนทราบดีว่านโยบายของนายทรัมป์จัดทำขึ้นมาเพื่อคนรวยเป็นพิเศษ พวกเขาเป็นคนกลุ่มเดียวที่ร่ำรวยขึ้นในยุคของนายทรัมป์ ตลาดหุ้นสหรัฐฯที่เติบโตไม่ได้หยุดการปรับตัวขึ้นแม้ว่าในช่วงวิกฤตเช่นนี้ได้กลายเป็นการรวมตัวของนักลงทุน เขาไม่ใช่เกษตรกรชาวอเมริกัน ผู้ขายและ Walmart หุ้นเกือบ 92% ทั้งหมดเป็นของชาวอเมริกันแค่เพียง 10% ดังนั้นหากตลาดหุ้นกำลังพุ่งสูงขึ้น มันหมายความว่าคนรวยจะยิ่งรวยขึ้นเรื่อยๆ แต่จำนวนคนรวยในอเมริกาไม่ได้เพิ่มขึ้น คนรวยยิ่งรวยขึ้น เงินทุนพวกเขาก็ยิ่งมากขึ้นดังนั้นชาวนาบางคน "เฉลี่ยในบ้าน" จากเท็กซัสก็เริ่ม "มีชีวิตที่ดีขึ้น" ภายใต้นายโดนัลด์ ทรัมป์ แม้ว่าฉันจะไม่สังเกตเห็นมัน เราไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในวาระที่สองของนายทรัมป์ (ถ้าเขาชนะ) แต่ในวาระแรก ภาษีของมหาเศรษฐีและบริษัทต่างๆลดน้อยลง นายทรัมป์เป็นประธานาธิบดีที่เอื้อคนรวยเป็นหลัก แต่ไม่ใช่สำหรับคนชยชั้นกลางและชนชั้นล่าง ภายใต้การดำรงตำแหน่งของนายบารัค โอบามา มีการปฏิรูปการดูแลสุขภาพและจำนวนคนที่มีประกันสุขภาพเพิ่มสูงขึ้นภายใต้พรรคเดโมแครต ในส่วนของนายทรัมป์ ได้พบกับแนวโน้มตรงกันข้าม และทุกอย่างจะดีถ้า "เชื้อไวรัสโคโรน่า" ไม่ได้เข้ามาถึงอเมริกา (และไปทั่วโลก) จากนั้นการมีประกันกลายมาเป็นเงื่อนไขที่สำคัญมากสำหรับชีวิตและสุขภาพของชาวอเมริกันทุกคน ดังนั้นภายใต้นายทรัมป์พบว่า ระดับสุขภาพและอายุขัยได้ลดลงทั้งประเทศก็อาจจมอยู่กับการแพร่ระบาดต่อไป อย่างที่สามตามที่เราได้กล่าวไปหลายครั้งแล้วว่า นายทรัมป์ไม่ได้แก้ไข "ภารกิจหลัก" ของเขา ไม่สามารถจัดตั้งความสัมพันธ์ทางการค้าที่ "เป็นธรรมและเหมาะสม" กับจีน แน่นอนว่านายทรัมป์ยังคงประกาศอยู่ตลอดเวลาว่าอเมริกาเลิกพึ่งพาจีนแล้วอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตามการขาดดุลการค้าในช่วงการดำรงตำแหน่งของนายทรัมป์ได้เติบโตขึ้น ไม่ได้ร่วงลงตามที่ประธานาธิบดีต้องการนอกจากนี้ในประเทศยังพบว่าได้เข้ามาอยู่ในสถานการณ์ "ชัตดาวน์" ครั้งที่สองหรือสาม เมื่อเงินที่จะใช้เป็นทุนสนับสนุนรัฐบาลและการบริการสาธารณะได้หมดลง ภายใต้นายทรัมป์ หนี้ของประเทศเพิ่มขึ้นและมีการสร้างงานน้อยกว่าช่วงของนายบารัค โอบามา ตัวชี้วัดเกือบทั้งหมดที่เติบโตในช่วงนายทรัมป์ แต่การเติบโตเช่นนี้มันส่งผลมาตั้งแต่ของของช่วงนายโอบามา และด้วยเหตุทั้งหมดนี้เอง เป็นที่หนึ่งของโลกที่มีจำนวนผู้ป่วยติดเชื้อไวรัส; ที่แรกในโลกในจำนวนผู้เสียชีวิตจาก "เชื้อไวรัสโคโรน่า"; ยังมีจีดีพีที่ลดลงไปมากที่สุด (ตามสหภาพยุโรปในไตรมาสที่สองของปี 2020 ที่พบว่าลดลงไปเพียง 12%) ดังนั้นจากมุมมองของเรา ผลลัพธ์ที่แย่เช่นนี้ไม่ได้เป็นเพียงแต่เหตุบังเอิญหรืออุบัติเหตุเท่านั้น เราเชื่อว่าสิ่งเหล่านี้เป็นผลลัพธ์ที่เป็นจริงตามการปกครองของนายทรัมป์ ผู้เป็นนักธุรกิจที่ยิ่งใหญ่ แต่แทบไม่มีใครสามารถเรียกเขาได้ว่าเป็นประธานาธิบดีที่ยิ่งใหญ่ของประเทศและเป็นผู้นำของประเทศ

ความผันผวนของคู่สกุลเงินยูโร/ดอลลาร์สำหรับวันที่ 25 เดือนกันยายนอยู่ที่ 78จุดและถือว่าเป็นช่วง "เฉลี่ย" ดังนั้นพวกเราคาดว่าคู่สกุลเงินนี้เคลื่อนตัวไปได้วันนี้ระหว่างระดับ 1.1588 และ 1.1744 การย้อนตัวของตัวชี้วัด Heiken Ashi ขึ้นด้านบนส่งสัญญาณต่อการปรับฐานในด้านบนอีกครั้ง

ระดับแนวรับที่ใกล้ที่สุด:

แนวรับที่ 1 – 1.1658

แนวรับที่ 2 – 1.1597

ระดับแนวต้านที่ใกล้ที่สุด:

แนวต้านที่ 1 – 1.1719

แนวต้านที่ 2 – 1.1780

แนวต้านที่ 3 – 1.1841

คำแนะนำการเทรด:

ตู่สกุลเงินยูโร/ดอลลาร์สหรัฐยังคงมุ่งหน้าลงต่อไป ดังนั้นตอนนี้คุณสามารถใช้ตำแหน่งขายได้ต่อไป โดยมีเป้าหมายอยู่ที่ 1.1597 และ 1.1588 จนกว่าตัวชี้วัด Heiken Ashi มุ่งหน้าขึ้นด้านบน ขอแนะนำให้ลองดูแนวทางการเปิดตำแหน่งการซื้อ ถ้าคู่สกุลเงินนี้ทรงตัวเหนือค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ พร้อมกับเป้าหมายแรกใน 1.1780 และ 1.1841

แชร์บทความนี้:
parent
loader...
all-was_read__icon
คุณได้ดูสิ่งพิมพ์ที่ดีที่สุดทั้งหมดในปัจจุบัน
เรากำลังมองหาสิ่งที่น่าสนใจสำหรับคุณ
all-was_read__star
เผยแพร่เมื่อเร็ว ๆ นี้:
loader...
สิ่งพิมพ์ล่าสุดเพิ่มเติม