ยูโรกลับมาแข็งค่าต่อดอลลาร์หลังจากมีข่าวเกี่ยวกับข้อตกลงทางการค้ากับสหรัฐฯ ในขณะที่ปอนด์ยังคงลดลง
เมื่อวานนี้มีรายงานว่าสหรัฐฯ และสหภาพยุโรปได้บรรลุข้อตกลงทางการค้ากันแล้ว ตามข้อตกลงนี้ กลุ่มประเทศในสหภาพยุโรปจะเผชิญกับภาษี 15% สำหรับการส่งออกส่วนใหญ่ของพวกเขา การตัดสินใจครั้งนี้ได้ก่อให้เกิดความกังวลและความไม่พอใจในศูนย์กลางการเมืองยุโรป แต่ 15% ก็ยังถือว่าดีกว่า 30% ที่มีกำหนดจะมีผลในวันศุกร์นี้ ซึ่งแม้ว่าเจ้าหน้าที่ในยุโรปจะแสดงความผิดหวังและความกังวล แต่ผู้นำสำคัญ ๆ ก็ยอมรับข้อเสนอนี้ ผลของข้อตกลงนี้อาจมีความสำคัญต่อภาคส่วนต่าง ๆ ของเศรษฐกิจยุโรป ผู้ผลิตรถยนต์ ผู้ผลิตในภาคการเกษตร และภาคสินค้าอุปโภคบริโภคมีความเปราะบางเป็นพิเศษ การเพิ่มภาษีจะทำให้ต้นทุนของสินค้านี้สูงขึ้นสำหรับผู้บริโภคชาวอเมริกัน ซึ่งอาจลดความต้องการและปริมาณการส่งออกจากยุโรป ข้อตกลงนี้ให้การสนับสนุนกับยูโร เนื่องจากนักลงทุนและพ่อค้ามองว่าเป็นสถานการณ์ที่ดีที่สุดภายใต้สภาพการณ์ปัจจุบัน
อย่างน่าเสียดาย ไม่มีรายงานทางเศรษฐกิจใดที่มีกำหนดในเขตยูโรโซนในวันนี้ ดังนั้นแนวโน้มแข็งค่าของคู่เงิน EUR/USD ที่ได้เห็นเมื่อเร็ว ๆ นี้คาดว่าจะยังคงดำเนินต่อไป อย่างไรก็ตาม การขาดข้อมูลเศรษฐกิจมหภาคไม่ได้หมายความว่าตลาดจะไม่มีทิศทาง นักลงทุนและพ่อค้าจะมุ่งมั่นวิเคราะห์ข้อตกลงทางการค้าระหว่าง EU–U.S. ถึงแม้ว่ารายละเอียดของข้อตกลงจะยังไม่ได้รับการเปิดเผย เป็นสิ่งสำคัญที่จะไม่มองข้ามการวิเคราะห์ทางเทคนิค ตารางราคาจุดสนันสนุนและต้านทานสามารถให้แนวคิดที่มีค่าเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวต่อไปของคู่เงิน EUR/USD ในกรณีที่ขาดตัวขับเคลื่อนทางพื้นฐานที่แข็งแกร่ง รูปแบบทางเทคนิคอาจมีความสำคัญเป็นพิเศษสำหรับการวางเดิมพันระยะสั้น
สำหรับปอนด์ คาดว่า Confederation of British Industry (CBI) จะรายงานยอดขายปลีกในวันนี้ ตลาดกำลังเฝ้ารอดูข้อมูลนี้ ซึ่งอาจทำหน้าที่เป็นตัวบ่งชี้สภาวะเศรษฐกิจของสหราชอาณาจักร หากตัวเลขออกมาต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ จะก่อให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับความต้องการของผู้บริโภคและกิจกรรมทางเศรษฐกิจโดยรวมในสหราชอาณาจักร ในสถานการณ์นี้ ปอนด์อังกฤษมีแนวโน้มที่จะอ่อนค่าลงต่อไปเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ นอกจากนี้ ข้อมูลยอดขายปลีกที่อ่อนแออาจทำให้ธนาคารแห่งอังกฤษต้องพิจารณานโยบายการเงินในทิศทางที่ผ่อนคลายมากขึ้น ซึ่งจะเพิ่มแรงกดดันต่อปอนด์
หากข้อมูลตรงกับความคาดหวังของนักเศรษฐศาสตร์ ควรใช้กลยุทธ์ Mean Reversion ในการซื้อขาย หากข้อมูลออกมาดีหรือแย่กว่าที่คาดการณ์ไว้มาก การใช้กลยุทธ์ Momentum จะเหมาะสมกว่า
กลยุทธ์ Momentum (Breakout):
EUR/USD
การซื้อที่ราคา Breakout เหนือ 1.1760 อาจนำไปราคาขึ้นไปที่ 1.1790 และ 1.1825
การขายที่ราคา Breakout ต่ำกว่า 1.1735 อาจนำไปราคาลงไปที่ 1.1714 และ 1.1680
GBP/USD
การซื้อที่ราคา Breakout เหนือ 1.3435 อาจนำไปราคาขึ้นไปที่ 1.3475 และ 1.3520
การขายที่ราคา Breakout ต่ำกว่า 1.3417 อาจนำไปราคาลงไปที่ 1.3390 และ 1.3365
USD/JPY
การซื้อที่ราคา Breakout เหนือ 147.93 อาจนำไปราคาขึ้นไปที่ 148.23 และ 148.46
การขายที่ราคา Breakout ต่ำกว่า 147.59 อาจนำไปราคาลงไปที่ 147.32 และ 146.89
กลยุทธ์ Mean Reversion (Pullbacks):

EUR/USD
หาโอกาสในการขายหลังจากที่การทะลุที่ระดับ 1.1773 ล้มเหลว และราคาได้กลับมาที่ระดับตามะดเป้า
หาโอกาสในการซื้อหลังจากที่การทะลุที่ระดับ 1.1739 ล้มเหลว และราคาได้กลับมาที่ระดับดังกล่าว

GBP/USD
มองหาโอกาสการขายหลังจากที่การทะลุขึ้นไปเหนือ 1.3455 ล้มเหลว โดยเมื่อราคากลับลงมาต่ำกว่าระดับนั้น
มองหาโอกาสการซื้อหลังจากที่การทะลุลงไปต่ำกว่า 1.3425 ล้มเหลว โดยเมื่อราคากลับขึ้นมาที่ระดับนั้น

AUD/USD
มองหาโอกาสในการขายหลังจากที่ราคาพยายามทะลุขึ้นไปเหนือ 0.6589 แต่ไม่สำเร็จ จากนั้นราคาลงมาต่ำกว่าระดับนั้นอีกครั้ง
มองหาโอกาสในการซื้อหลังจากที่ราคาพยายามทะลุลงไปต่ำกว่า 0.6561 แต่ไม่สำเร็จ จากนั้นราคากลับขึ้นมาถึงระดับนั้นอีกครั้ง

USD/CAD
มองหาโอกาสในการขายหลังจากเกิดการทะลุที่ล้มเหลวเหนือระดับ 1.3708 เมื่ออัตราแลกเปลี่ยนกลับลงมาต่ำกว่าระดับนั้น
มองหาโอกาสในการซื้อหลังจากเกิดการทะลุที่ล้มเหลวต่ำกว่าระดับ 1.3686 เมื่ออัตราแลกเปลี่ยนกลับมาที่ระดับนั้น