เงินยูโรได้ปรับตัวขึ้นในวันนี้ โดยได้รับการสนับสนุนจาก ข่าวลือเกี่ยวกับการลดมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณโดยทาง ธนาคารกลางแห่งยุโรป แต่เนื่องจากการแถลงการณ์อย่างเป็นทางการจะมาจากตัวแทนของธนาคารกลาง
ในวันนี้ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของธนาคารกลางแห่งยุโรป คุณ Peter Pret ได้ชี้ว่า ผู้นำของธนาคารกลางมีความเชื่อมั่น ในการกลับมาของอัตราเงินเฟ้อในยูโรโซน สู่ระดับเป้าหมายที่อยู่ในระดับที่ต่ำกว่า 2.0% ในอนาคตอันใกล้นี้ ส่วนคุณ Pret เองก็เห็นสัญญาณใหม่ ของการเร่งการปรับตัวขึ้นมาของค่าจ้าง ในเขตยูโรโซน ซึ่งในอนาคตอันใกล้นี้ จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจให้เติบโตขึ้น และยังจะทำให้เกิดแรงขับเคลื่อนต่อโมเมนตัมด้านเงินเฟ้อมากยิ่งขึ้น
ทางเราขอแจ้งคุณว่า ในช่วงแรกของปีนี้ หลังจากที่มีการรายงานข้อมูลที่ค่อนข้างอ่อนกำลังออกมา ซึ่งมันแสดงให้เห็นถึง การชะลอตัวของการเติบโตทางเศรษฐกิจ ทางด้านตัวแทนของ ธนาคารกลางแห่งยุโรปได้ออกมาตั้งสมมติฐานหลายประการ โดยมีทั้งการเลื่อยการลดระดับการใช้งานการซื้อคืนสินทรัพย์ ซึ่งได้กำหนดไว้ในรอบเดือนกันยายนของปีนี้
ในตอนนี้ ความกังวลดังกล่าวมีแนวโน้มลดลงไป และแม้ว่าจะชะลอการเติบโตทางเศรษฐกิจลงไป พร้อมกับความไม่แน่นอนทางการเมืองที่เกิดขึ้นในประเทศอิตาลี และสเปนก็ตามที แต่ทาง ธนาคารกลางแห่งยุโรปอาจยังคงลดมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ โดยที่ธนาคารกลางได้ซื้อสินทรัพย์ไปเป็นมูลค่า 30 พันล้านยูโรต่อเดือน
การรายงานข้อมูลในช่วงตอนบ่าย เกี่ยวกับการที่เศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาได้ออกแรงกดดันมากขึ้นต่อดอลลาร์สหรัฐ
อ้างอิงตามรายงานของกระทรวงแรงงานจากสหรัฐอเมริกา ที่ระบุว่า มีผลผลิตแรงงานในช่วงไตรมาสแรกของปี 2018 ที่ค่อนข้างชะลอตีวลงไป แม้ว่าจะมีการเติบโตเพิ่มขึ้นมาบ้าง
ดังนั้นแล้ว ผลผลิตทางแรงงานนอกภาคการเกษตรของประเทศ ได้ขยายตัวเพียง 0.4% ขณะที่ก่อนหน้านี้ มีรายงานออกมาว่า มันได้เพิ่มขึ้นมาถึง 0.7% ในช่วงไตรมาสที่สี่ของปี 2017 พบว่าการเติบโตของผลผลิตคือ 0.3%
ค่าแรงงานที่เฉพาะเจาะจงในไตรมาสแรก ได้เพิ่มขึ้น 2.9% ต่อปี
นักเศรษฐศาสตร์ได้คาดการณ์ว่า จะมีการเพิ่มขึ้นของผลผลิตแรงงาน นอกภาคเกษตร โดยจะเป็น 0.6% และต้นทุนแรงงานต่อหน่วยเพิ่มขึ้น 2.8%
การขาดดุลการค้าระหว่างประเทศ ของสหรัฐอเมริกาในเดือนเมษายน ได้ลดลงไป เนื่องจากชาวอเมริกันส่วนใหญ่ได้ซื้อสินค้าจากต่างประเทศกันน้อยลง สำหรับการเติบโตที่ดีนั้นจะอยู่ในการส่งออก เนื่องจากข้อมูลปริมาณของน้ำมันนั้นเอง
อ้างอิงจากการรายงานของกระทรวงพาณิชย์ จากสหรัฐอเมริกา ที่ได้เปิดเผยว่าการขาดดุลทางการค้าในเดือนเมษายน ของปีนี้ได้ลดลงไป 2.1% เมื่อนำมาเทียบกับเดือนก่อนหน้านี้และมีมูลค่าอยู่ที่ 46.20 พันล้านดอลลาร์ ส่วนการนำเข้าก็ได้ลดลงไป 0.2% ขณะที่การส่งออกเพิ่มขึ้นถึง 0.3% ทางด้านนักเศรษฐศาสตร์ได้คาดการณ์ไว้ว่าจะมีการขาดดุลถึง 48.7 พันล้านเหรียญ
สำหรับภาษีที่มีการกำหนดโดยประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา Donald Trump พบว่ามันไม่มีความชัดเจนว่า รายงานเหล่านี้ได้นำมาซึ่งผลประโยชน์ของตนเองหรือไม่