หลังจากที่ได้ก้าวผ่านการทิ้งตัวลงไปเป็นสองเดือนติดต่อกัน ทองคำก็เริ่มปรับตัวเพิ่มขึ้น จากระดับต่ำสุดท่ามกลางข่าวลือที่เพิ่มขึ้น เกี่ยวกับการปรับตัวของเงินดอลลาร์สหรัฐในช่วง 6 สัปดาห์ที่ผ่านมา ได้สิ้นสุดลงแล้ว สำหรับการเพิ่มขึ้นของความตึงเครียดทางการค้ากับ ประเทศจีน, เม็กซิโกและแคนาดา ในส่วนของ สหรัฐอเมริกานั้นกำลัทดสอบถึง ความต้องการของฝ่ายบริหารของสหรัฐอเมริกา ที่ต้องการให้เกิดการอ่อนค่าลงของสกุลเงินตนเอง จากการคาดการณ์ในตลาด ในช่วงที่อยู่ในจุดสูงสุดของสงครามการค้าในทศวรรษที่ 1990 และ 2000 นั้นจึงทำให้ ดัชนีเงินดอลลาร์ได้ปรับลดลงไป 20% และ 12% อ้างอิงจาก TD Securities ที่ได้ระบุออกมาว่า ในช่วงไตรมาสที่ 4 ของโลหะมีค่า จะได้ปรับตัวไปมากกว่าตำแหน่งของ $ 1400 ต่อออนซ์ ซึ่งเป็นปีล่าสุดที่พบได้ในปี 2013 ทางด้านบริษัท ได้ออกมาคาดการณ์ถึงราคาโดยเฉลี่ย ที่ 1375 เหรียญสหรัฐในช่วงเดือนตุลาคมถึงธันวาคม
การเคลื่อนไหวของทองคำและเงินดอลลาร์
การลดระดับลงมาของความเสี่ยงทางการเมือง ในประเทศอิตาลี เกิดขึ้นหลังจากความคืบหน้าของการประกาศจาก นายกรัฐมนตรีคนใหม่ Giuseppe Conte ที่ได้ว่าถึงประเด็น เรื่องการถอนตัวออกจากยูโรโซน ที่ไม่ได้อยู่ในวาระการประชุม เช่นเดียวกันกับข่าวลือเกี่ยวกับ ความพร้อมของประเทศจีนในการเพิ่มการนำเข้าสินค้าทางการเกษตรและพลังงานจากสหรัฐอเมริกา โดยเป็นมูลค่า 70พันล้านเหรียญ เพื่อเป็นข้อแลกเปลี่ยนต่อการยกเลิกภาษีของสหรัฐอเมริกา ที่จะลดความต้องการต่อสินทรัพย์ที่ปลอดภัยลงอีกด้วย ยังไม่พบการสนับสนุนทองคำและในตลาดสินทรัพย์อยู่เช่นเดิม ทางด้านแหล่งข่าวจากสำนักข่าว Bloomberg ที่ไม่ต้องการระบุชื่อ ได้กล่าวว่า มีการซื้อโลหะมีค่าจากประเทศอินเดีย ในเดือนพฤษภาคม ได้ลดระดับลงไปเป็น 77.6 ตัน (-39% หากเทียบกับเดือนเดียวกันในปีที่ผ่านมา) อ้างอิงตามผลการรายงานของเดือนที่สามในฤดูใบไม้ผลิของปี 2017 ที่ได้ระบุว่า การนำเข้ามีจำนวนถึง 126.2 ตัน โดยในเดือนมกราคมถึงเดือนพฤษภาคมของปีนี้ ยอดตัวเลขลดลงเหลือ 289.3 ตัน (-42% ในปีนี้หากเทียบกับปีก่อนหน้านี้) โดยที่หนึ่งในเหตุผล ก็คือการอ่อนค่าของเงินรูปี ซึ่งปรับตัวลดลงไป 5% เมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐตั้งแต่ต้นปี 2018
การเคลื่อนไหวของทองคำ ในรูปของเงินรูปีและดอลลาร์สหรัฐ
อย่างไรก็ตาม ถ้าหากในช่วงที่เหลือของปีนี้ เศรษฐกิจในระดับโลกจะมีความสอดคล้องกับการเติบโต รวมถึงการฟื้นตัวของยอด GDP ในยูโรโซน ที่จะเป็นกำลังของเงินดอลลาร์ "ในแนวโน้มขาขึ้น" ที่จะเริ่มลดระดับลงไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งจะยังเป็นการสนับสนุน ทั้งเงินรูปีและการนำเข้าของประเทศอินเดีย ส่วนตัวอย่างอีกส่วนก็คือ ช่วงครึ่งหลังของปี 2017 นั้นเมื่อพูดถึงเรื่องการปรับนโยบายทางการเงินสู่สภาพปกติ ของธนาคารคู่แข่งของ ธนาคารกลางแห่งสหรัฐอเมริกา ที่จะมาจากสกุลเงินของสหรัฐอเมริกา ที่เป็นประเทศสมาชิกนอกกลุ่ม G10
มันเป็นไปได้ที่ว่า ทองคำอาจจะพุ่งตัวขึ้น หลังจากที่เงินยูโรได้ปราศจากประเด็นทางการเมืองไปหมดแล้ว แต่ในตอนนี้ การเคลื่อนไหวอีกขั่วของ คู่ออนซ์ทองคำและดอลลาร์สหรัฐ (XAU / USD) กำลังหยุดยั้งการประชุมของผู้กำหนดนโยบายทางการเงิน ที่กำหนดไว้ในวันที่ 13 เดือนมิถุนายน ทางด้านตลาดฟิวเจอร์สมีแนวโน้มอยู่ที่ 94% ที่จะเพิ่มอัตราดอกเบี้ยตามนโยบายของรัฐบาลกลาง ถึง 2% และทางด้านโลหะมีค่า ก็ลดระดับลงไปแบบเดิม ก่อนที่จะมีการประชุมของทางเฟด เพื่อที่หลังจากนั้นจะให้มีขอบคุณการดำเนินการตามแบบ "การขายในข่าวลือ และการซื้อตามข้อเท็จจริง" เมื่อมาพิจารณาข้อเท็จจริงสำหรับช่วงปี 2016-2017 จะพบได้ว่า มันค่อนข้างจะเข้าใจได้ถึง ตำแหน่งการซื้อของทองคำ ทันทีหลังจากที่มีการประกาศถึงการตัดสินใจของธนาคารกลางแห่งสหรัฐอเมริกา
ในทางเทคนิคแล้ว "แนวโน้มขาขึ้น" จะไม่มีความพยายามในการถอนมูลค่าออกจากช่องทางในขาลง โดยให้ใช้แนวต้านด้วย $ 1302 ต่อออนซ์ และเปิดใช้งานกราฟรูปแบบ "ปู" หากมันประสบความสำเร็จจริง โอกาสในการบรรลุเป้าหมาย 161.8% ก็จะเพิ่มขึ้นอีกด้วย มันมีความสอดคล้องกับราคาที่ 1,350 ดอลลาร์ ในทางตรงกันข้าม การทดสอบในแนวรับที่ประสบความสำเร็จใน 1,288 ดอลลาร์ ก็จะเป็นการเปิดช่องทางให้กับ "แนวโน้มขาลง" ไปยังด้านล่าง โดยเป็นส่วนหนึ่งของกราฟรูปแบบ "Expanding Wedge"
ชาร์ตรายวันของทองคำ