หน้าหลัก มูลค่า ปฏิทิน ฟอรั่ม
flag

FX.co ★ เงินดอลลาร์ได้เริ่มต้นในรอบปีใหม่ และสกุลเงินอื่นๆเองก็ขึ้นมาประสบความสำเร็จด้วย

parent
ข่าวการวิเคราะห์:::2020-01-02T02:55:20

เงินดอลลาร์ได้เริ่มต้นในรอบปีใหม่ และสกุลเงินอื่นๆเองก็ขึ้นมาประสบความสำเร็จด้วย

เงินดอลลาร์ได้เริ่มต้นในรอบปีใหม่ และสกุลเงินอื่นๆเองก็ขึ้นมาประสบความสำเร็จด้วย

ดัชนีเงินดอลลาร์ลดลงไปในระดับต่ำสุด ในรอบเกือบหกเดือนในช่วงของปีใหม่ เงินดอลลาร์สหรัฐยังคงได้รับผลกระทบ เนื่องจากมีการคาดการณ์เกี่ยวกับ ข้อสรุปของข้อตกลงทางการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกา และจีนหลังจากที่มีขั้นตอนการเจรจาครั้งแรก การไหลเวียนของการเงินในช่วงปลายไตรมาส และตอนท้ายของรอบปี เพื่อปรับสมดุลของพอร์ตการลงทุนที่มีอิทธิพลต่อสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ

ในช่วงปลายเดือนกันยายน จนถึงช่วงต้นเดือนตุลาคม ดัชนีเงินดอลลาร์สหรัฐอยู่ที่ระดับสูงสุดใน 99.5 จุด และได้ปรับตัวลงมาถึง 2.5% ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการขาดทุนประจำไตรมาสที่มากที่สุด นับตั้งแต่เดือนมีนาคม ปี 2018

ปริมาณการซื้อขายที่ต่ำในช่วงสิ้นปีนี้ ทำให้เกิดการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐโดยทั่วไป ซึ่งเมื่อวันศุกร์พบกับการปรับตัวลงในรอบหนึ่งวันอย่างมาก นับตั้งแต่เดือนมิถุนายนของปีนี้

เงินดอลลาร์ได้เริ่มต้นในรอบปีใหม่ และสกุลเงินอื่นๆเองก็ขึ้นมาประสบความสำเร็จด้วย

ทาง MUFG ออกมากล่าวว่า "แรงขับเคลื่อนที่สำคัญของเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่านั้น อาจมีความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นมา เนื่องจากความเห็นล่าสุดของสหรัฐอเมริกาในการทำข้อตกลงทางการค้า รวมทั้งอัตรา repo ที่เกิดขึ้นจากธนาคารกลางแห่งสหรัฐอเมริกา"

คุณ Derek Halpenny หัวหน้าฝ่ายวิจัยตลาดระดับโลก (ในยุโรป และภูมิภาคตะวันออกกลาง และแอฟริกา) ใน MUFG กล่าวไว้ว่า "การอ่อนค่าของเงินดอลลาร์เป็นผลส่วนหนึ่งที่มาจาก ข้อเท็จจริงที่ว่านักลงทุนเชื่อว่า ความตึงเครียดทางการค้าระหว่างกรุงวอชิงตัน และกรุงปักกิ่งตอนนี้ ไม่น่าจะเพิ่มขึ้นอีกแล้ว"

ผู้เชี่ยวชาญกล่างเสริมอีกว่า "ปัจจัยเชิงลบอีกอย่างสำหรับเงินดอลลาร์สหรัฐ คือการขจัดปัญหาในการขาดสภาพคล่องของเงินดอลลาร์ ซึ่งเฟดนำเข้ามาในระบบ ผ่านการดำเนินการช่วงข้ามคืน สิ่งนี้ช่วยลดความกังวล เกี่ยวกับการเพิ่มขึ้นมาอย่างมากของอัตราดอกเบี้ยของรัฐบาลกลาง"

ในขณะเดียวกันคู่สกุลเงินยูโรและดอลลาร์สหรัฐ (EUR / USD) ปรับตัวขึ้นมาสูงกว่าระดับ 1.12 เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ช่วงกลางเดือนสิงหาคม

สัญญาณที่บ่งชี้ว่า เศรษฐกิจของยูโรโซนผลักออกจากระดับต่ำสุด ที่ได้ช่วยให้ค่าเงินยุโรปแข็งค่าขึ้นมาในสัปดาห์นี้

นอกจากนี้อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรอายุ 10 ปีของเยอรมัน ในช่วงตอนท้ายของเดือนธันวาคม กำลังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว มากกว่าพันธบัตรของอเมริกันของพวกเขา และส่วนต่างในการเคลื่อนตัวของดัชนี S&P 500 และดัชนีเซี่ยงไฮ้แบบคอมโพสิต ช่วยเหลือแนวโน้มขาขึ้นต่อคู่สกุลเงินยูโรและดอลลาร์สหรัฐ (EUR / USD) กิจกรรมทางธุรกิจในภาคการผลิตของจีนยังสามารถอยู่เหนือกว่าตำแหน่งสำคัญที่ระดับ 50 และดัชนีย่อยของการส่งออกใหม่ปรับตัวไปมากกว่ามันเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ปี 2018 มาตรการกระตุ้นทางเศรษฐกิจด้านการคลัง และด้านการเงินของกรุงปักกิ่งกำลังส่งเสริมกันอย่างชัดเจน ซึ่งยังสนับสนุนตลาดหุ้นในประเทศ ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกาดูเหมือนจะไปได้ไกลเกินไป ปัจจัยในการลงนามในธุรกรรมการค้าโดยคุณ Donald Trump และ Xi Jinping ได้เป็นปัจจัยหนึ่งต่อมูลค่า ซึ่งหมายความว่าการขายหลักทรัพย์เพื่อที่จะทำผลกำไรไม่หายไปไหน

ความกังวลที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับ การปรับตัวที่เกิดขึ้นของดัชนี S&P 500 ทำให้สกุลเงินยุโรปมีความมั่นใจมากขึ้น อ้างอิงจากสถาบัน Goldman Sachs เงินยูโรมีพฤติกรรมคล้ายกับเงินเยน ในช่วงต้นปี 1990 และ 2000 แล้วมันมีปฏิกริยาที่ว่องไว้ต่อความผันผวนของตลาดเป็นพิเศษ มันแทบจะไม่ต้องประหลาดใจ อัตราดอกเบี้ยระดับต่ำสุดของธนาคารกลางแห่งยุโรป ได้เปลี่ยนเงินยูโรเป็นสกุลเงินสำหรับการระดมทุน ดังนั้นแล้วมันจึงค่อนข้างเป็นธรรมชาติที่เงินยูโรจะตอบสนองต่อการย้อนตัวในตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกา ในกรณีเช่นนี้เทรดเดอร์ที่กำลังดำเนินการจะปิดสถานะของตัวเองอย่างจริงจัง ถ้าหากการสรุปข้อตกลงทางการค้า ระหว่างกรุงวอชิงตัน และปักกิ่ง ตามหลักการของการซื้อโดยข่าวลือ และขายตามข้อเท็จจริง หรือ "buy by rumor, sell by facts" จากนั้นดัชนี S&P 500 จะปรับตัวลง และคู่สกุลเงินยูโรและดอลลาร์สหรัฐ (EUR / USD) จะมุ่งหน้าไปยัง 1.1300 และ 1.1350 ในเดือนมกราคม

เงินดอลลาร์ได้เริ่มต้นในรอบปีใหม่ และสกุลเงินอื่นๆเองก็ขึ้นมาประสบความสำเร็จด้วย

สกุลเงินของอังกฤษแข็งค่าขึ้นมา เมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐเป็นวันที่หกติดต่อกัน เงินปอนด์กำลังแสดงการเติบโตประจำไตรมาสดีที่สุดในรอบทศวรรษ

ผู้เข้าร่วมในตลาดยังคงติดตามการฟื้นตัวในช่วงการถอนตัวของบริเตนใหญ่ ออกจากสหภาพยุโรป

อ้างอิงจากหัวหน้าคณะรัฐมนตรีของสหราชอาณาจักรอังกฤษ คุณ Boris Johnson เกี่ยวกับการให้สัตยาบันในข้อตกลงของเรื่อง Brexit จะทำให้เกิดการเติบโตในการลงทุนใหม่ๆ ในประเทศ มันจะทำให้ธนาคารแห่งอังกฤษสามารถปรับอัตราดอกเบี้ยได้ด้วยการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

นอกจากประเด็นของ Brexit แล้ว นโยบายการเงินของทางการอาจได้รับผลกระทบ จากการแต่งตั้งหัวหน้าคนใหม่ของธนาคารกลางในปลายเดือนมกราคม หลังจากการลงประชามติเกี่ยวกับ การเป็นประเทศสมาชิกของสหราชอาณาจักรอังกฤษในสหภาพยุโรป คุณ Mark Carney ยังไม่ต้องการรีบที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลงในธนาคารแห่งอังกฤษ แต่ผู้นำคนใหม่อาจเปลี่ยนแนวทางของนโยบายทางการเงิน

ในวันที่ 5 เดือนมกราคม รัฐสภาอังกฤษจะกลับมาทำการจากช่วงวันหยุดปีใหม่ และจะเริ่มพิจารณาประเด็น ที่มีความเกี่ยวข้องกับระยะเวลาของการเปลี่ยนแปลงของ Brexit ซึ่งอาจเกิดขึ้นจนถึงช่วงสิ้นปี 2020 ถ้าหากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรประสบความสำเร็จในการโน้มน้าว Johnson ในการขยายระยะเวลาการเปลี่ยนแปลง จากนั้นกรุงลอนดอนจะมีเวลามากพอ ที่จะร่วมมือกับทางกรุงบรัสเซลส์ เพื่อรักษาการเข้าถึงตลาดเดี่ยว และสหภาพศุลกากรในสหภาพยุโรป ในเรื่องนี้ มันเหมาะสมในการรักษาสถานะการซื้อในคู่สกุลเงินปอนด์และดอลลาร์สหรัฐ (GBP / USD)

เงินดอลลาร์ได้เริ่มต้นในรอบปีใหม่ และสกุลเงินอื่นๆเองก็ขึ้นมาประสบความสำเร็จด้วย

แชร์บทความนี้:
parent
loader...
all-was_read__icon
คุณได้ดูสิ่งพิมพ์ที่ดีที่สุดทั้งหมดในปัจจุบัน
เรากำลังมองหาสิ่งที่น่าสนใจสำหรับคุณ
all-was_read__star
เผยแพร่เมื่อเร็ว ๆ นี้:
loader...
สิ่งพิมพ์ล่าสุดเพิ่มเติม